กระดาษที่เราเลือกใช้งานควรที่จะต้องเลือกใช้กระดาษที่ดีและได้มาตรฐาน มาตรฐานของกระดาษในแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ก็จะใช้พื้นฐานแนวคิดมาจากสถาบันของเยอรมันเพื่อที่จะนำมากำหนดมาตรฐาน
จุดเด่นของการที่กระดาษของเรา
มี ISO ก็คือ เมื่อนำมาพับครึ่ง มันก็จะได้ขนาดอีกขนาดที่มีขนาดมาตรฐานที่นิยมเลือกใช้งานกันทั่วโลก ทำให้สัดส่วนของการใช้งานก็จะมีขนาดที่ดี ถือเป็นข้อดีในเวลาที่เรานำไปใช้งานมันก็จะได้ไม่เกิดการสูญเสียกระดาษ เพราะมันอาจจะทำให้สิ้นเปลืองได้ ฉะนั้นการใช้กระดาษที่มีจำนวนมากในทุกวันนี้ก็เลยไม่แปลกหรอกนะครับที่จะต้องมีการกำหนดมาตรฐานต่างๆ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานและสามารถที่จะได้สื่อสารได้
มาตรฐานกระดาษ
1.ISO 216
มาตรฐานนี้ได้ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อให้มีความโดดเด่นก็คือเวลาที่พับครึ่งของกระดาษก็จะได้ขนาดของกระดาษอีกรูปแบบหนึ่งทำให้กระดาษมันก็จะได้สัดส่วนแบบเดียวกันทั้งหมด เมื่อนำกระดาษไปใช้งานในด้านต่างๆ จะทำให้ไม่เกิดความเสียหาย อีกทั้งยังส่งผลทำให้ได้ใช้กระดาษกันสะดวกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
2.รหัสชุด A
มาตรฐานนี้ก็จะเป็นมาตรฐานในระดับ ISO เป็นระบบแบบเมตริก ที่จะกำหนดรหัสให้เป็น A0 ให้มีพื้นที่ของกระดาษเท่ากัน 1 ตารางเมตร โดยเมื่อมีการแบ่งครึ่งกระดาษ ก็จะทำให้เราได้รหัสใหม่ไปเรื่อย เป็นมาตรฐานที่สร้างความคุ้นเคยและถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยส่วนใหญ่ก็จะนิยมเลือกใช้ A4 กันเยอะเป็นอย่างมาก เป็นกระดาษที่ไม่ว่าจะนำไปใช้อะไร ก็สามารถที่จะทำออกมาได้อย่างลงตัว
3.รหัสชุด B
มาตรฐานนี้จะไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไร แต่ก็ไม่ต่างจากรหัสชุด A สักเท่าไรนัก โดยจะมีการเลือกใช้รหัสคือ B1 โดยรหัสชุดนี้ก็จะมีด้านใดด้านหนึ่ง เป็นครึ่งหนึ่ง หรือหนึ่งในสี่ หรือแปดของ 1 เมตรไปแบบเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะนิยมเลือกใช้ในงานพวกโปสเตอร์ต่างๆ หนังสือ พลาสปอร์ต เป็นต้น
4.รหัสชุด C
มาตรฐานนี้กำหนดไว้เพื่อทำเป็นซองเอกสารต่างๆ โดยจะมีขนาดที่ใหญ่กว่ารหัสชุด A และ B ดังนั้น รหัสชุดนี้ก็จะเหมาะกับการทำเป็นซองเพื่อเอาไว้ใส่เอกสารชนิดต่างๆ ทำให้กระดาษที่อยู่ในซองมีขนาดที่พอดีและพอเหมาะเป็นอย่างมากด้วย
นอกจากนี้ขนาดกระดาษมีมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับจะเลือกใช้กระดาษแบบไหนมาปรับในชิ้นงานเพื่อให้เกิดการใช้งานที่มีประโยชน์สูงสุด ฉะนั้น การเลือกใช้กระดาษก็ควรที่จะต้องเลือกให้มันเหมาะสมให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ตอบโจทย์กับการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น